ภาคีไทยผนึกกำลังรณรงค์ “16 วันยุติความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ” เพื่อยกระดับการคุ้มครอง
ธันวาคม 13, 2025
กรุงเทพฯ ประเทศไทย – เนื่องในโอกาสรณรงค์ “16 วันยุติความรุนแรงด้วยเหตุแห่งบนพื้นฐานเพศ” สหภาพยุโรป (EU) โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) องค์การเพื่อการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ และเพิ่มพลังของผู้หญิงแห่งสหประชาชาติ (UN Women) มูลนิธิเวสต์มินสเตอร์เพื่อประชาธิปไตย (Westminster Foundation for Democracy) และ สถาบันพระปกเกล้า (KPI) ร่วมกันจัดเวลทีเสวนาเพื่อรณรงค์ยุติความรุนแรงบนพื้นฐานเพศในทุกพื้นที่ ทั้งในครอบครัวและโลกออนไลน์ งานนี้มีผู้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในประเด็นดังกล่าวเข้าร่วม ทั้งจากรัฐสภา หน่วยงานภาครัฐ องค์กรภาคประชาสังคม องค์กรอิสระ และภาคีพัฒนา มาร่วมแลกเปลี่ยนและหารือเกี่ยวกับกฎหมาย นโยบาย และการรณรงค์เพื่อป้องกันและแก้ไขความรุนแรงบนพื้นฐานเพศ (GBV) ในประเทศไทย
ธีมรณรงค์ในปีนี้สอดคล้องกับธีมระดับโลก “UNiTE เพื่อยุติความรุนแรงดิจิทัลต่อผู้หญิงและเด็กผู้หญิงทุกคน” เพื่อตอกย้ำถึงความรุนแรงรูปแบบใหม่ที่เกิดจากเทคโนโลยี เช่น การคุกคามทางออนไลน์ การเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอม และการใช้ถ้อยคำเกลียดชังทางเพศ โดยเฉพาะผู้หญิงในวงการการเมือง นักข่าว และนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ต้องเผชิญความเสี่ยงต่อเหตุความรุนแรงเหล่านี้การตกเป็นผู้ถูกกระทำ ซึ่งสะท้อนความจำเป็นเร่งด่วนในการสร้างกลไกความคุ้มครองที่เข้มแข็งและการตรวจสอบอย่างมีประสิทธิภาพ
เวทีนี้จัดขึ้นในช่วงที่ประเทศไทยกำลังเดินหน้าปรับปรุงกรอบกฎหมายและนโยบายอย่างต่อเนื่อง การแก้ไขกฎหมายสำคัญ เช่น การแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งกำหนดให้การคุกคามทางเพศเป็นความผิดทางอาญา รวมถึงการกระทำที่เกิดขึ้นทางออนไลน์ และร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการจัดการกับความรุนแรงรูปแบบใหม่
“การยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กผู้หญิงต้องทำในทุกพื้นที่ รวมถึงโลกดิจิทัลด้วย” คุณมาเรีย โฮลต์สเบิร์ก รองผู้อำนวยการ UN Women ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก และประธานร่วม UN Gender Theme Group กล่าว “กิจกรรมในวันนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการเสริมสร้างกลไกความคุ้มครองในประเทศไทย เพื่อให้ผู้หญิงและเด็กผู้หญิงทุกคนสามารถใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยจากความรุนแรง”
ในระดับภูมิภาค มีการออกกฎหมายและนโยบายเพื่อแก้ไขความรุนแรงบนโลกดิจิทัลต่อผู้หญิงและเด็กผู้หญิงเพิ่มขึ้นมากกว่า 90% ตั้งแต่การกำหนดวาระ 2030 (2030 Agenda) เมื่อปี 2558 โดยประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกมีการออกกฎหมายและนโยบายในประเด็นนี้มากที่สุด
ประเด็นการเสวนาในวันนี้ ยังสอดคล้องกับข้อสังเกตโดยสรุปจากการประชุมคณะกรรมการอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (CEDAW) ประจำปี 2568 การทบทวน Beijing+30 และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านความเท่าเทียมทางเพศ (SDG 5) ซึ่งทั้งหมดเรียกร้องให้เพิ่มช่องทางการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมมากขึ้น ปรับปรุงระบบข้อมูลให้ดียิ่งขึ้น และ มีกฎหมายที่ส่งเสริมให้เกิดความเสมอภาคทางเพศมากขึ้น
สหภาพยุโรปชื่นชมความริเริ่มนี้ และมองว่าเป็นโอกาสในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ “การแก้ปัญหาความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ ต้องอาศัยภาวะผู้นำร่วมกัน” คุณทอม คอร์รี หัวหน้าฝ่ายความร่วมมือสำหรับมาเลเซีย มองโกเลีย และไทย ประจำสหภาพยุโรป กล่าว “การปฏิรูปอย่างต่อเนื่องของไทย แสดงถึงความก้าวหน้า ในการทำตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ และ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน”
ในช่วง 16 วันของการรณรงค์ (25 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม) องค์กรร่วมจัดเรียกร้องให้เกิดการร่วมมือ เพื่อสร้างโลกที่เทคโนโลยีเป็นพลังแห่งความเท่าเทียม ไม่ใช่ภัยคุกคาม ผู้หญิงหนึ่งในสามคนทั่วโลก เคยประสบความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ ขณะที่ 16–58% ของผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ประสบความรุนแรงบนโลกออนไลน์ และ 90–95% ของวิดีโอ deepfake เป็นภาพลามกอนาจารของผู้หญิง
“สถาบันในระบอบประชาธิปไตยมีหน้าที่รับผิดชอบชัดเจนในการปกป้องสิทธิและความปลอดภัยของผู้หญิงและเด็กผู้หญิงทุกคน รวมถึงในพื้นที่ออนไลน์” คุณเกศชฎา พรหมจรรย์ ผู้อำนวยการมูลนิธิเวสต์มินเตอร์เพื่อประชาธิปไตย สำนักงานประเทศไทย กล่าว “การเสริมสร้างกรอบกฎหมาย การเพิ่มความรับผิดชอบ และ การเพิ่มการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง จะช่วยให้เราสามารถดึงพันธมิตรและระดมทรัพยากรจากรัฐสภา สถาบันทางการเมือง องค์กรภาคประชาสังคม และสื่อ มาต่อสู้กับความรุนแรงออนไลน์ เพื่อให้พื้นที่ออนไลน์และการเมืองในประเทศไทย เป็นสภาพแวดล้อมที่ผู้หญิงสามารถนำ แสดงบทบาท และเติบโตได้อย่างปลอดภัย”
งานประกอบด้วยการเสวนาสองหัวข้อ โดยการเสวนาแรก เกี่ยวกับการเสริมสร้างกรอบกฎหมายเพื่อแก้ปัญหาการคุกคามทางเพศทั้งออนไลน์และออฟไลน์ และการเสวนาที่สอง เกี่ยวกับความรุนแรงบนโลกออนไลน์ โดยเน้นบทบาทของบริษัทเทคโนโลยี หน่วยงานกำกับดูแล และสื่อ ในการป้องกันและตอบสนองต่อการคุกคามออนไลน์
สถาบันพระปกเกล้าย้ำถึงบทบาทของรัฐสภาในการขับเคลื่อนการปฏิรูปเหล่านี้ “กฎหมายที่มีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งจำเป็นในการคุ้มครองสิทธิและตอบสนองต่อภัยคุกคามใหม่ ๆ” รศ. ดร. กมลพร สอนศรี ผู้ช่วยเลขาธิการ สถาบันพระปกเกล้า กล่าว “เรามุ่งมั่นร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร เพื่อสนับสนุนให้เกิดสภาพแวดล้อมในรัฐสภา ที่มีความอ่อนไหวในประเด็นเพศภาวะ”
เวทีนี้ ตอกย้ำถึงความเร่งด่วนที่ประเทศไทยต้องเร่งรัดการดำเนินงานเพื่อป้องกันปัญหาความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ ให้ความช่วยเหลือสนับสนุนผู้ถูกกระทำ ตลอดจนสร้างพื้นที่ออนไลน์และออฟไลน์ที่ปลอดภัย ครอบคลุม และเท่าเทียมสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง
“ไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ สำหรับการคุกคามออนไลน์” นางคริสติน อารับ ผู้อำนวยการภูมิภาค UN Women เอเชียและแปซิฟิก เน้นย้ำ “ความตระหนักรู้เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ เราต้องลงมือทำร่วมกัน”
ติดต่อเพิ่มเติม
สุภาณี พงษ์เรืองพันธุ์
ที่ปรึกษาด้านความเท่าเทียมทางเพศ และ การมีส่วนร่วมทางสังคม
โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย
มือถือ: +66 8 1714 3954
อีเมล: suparnee.pongruengphant@undp.org
มณฑิรา นาควิเชียร
หัวหน้าฝ่ายสื่อสารภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิค
องค์การเพื่อการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ และเพิ่มพลังของผู้หญิงแห่งสหประชาชาติ (UN Women) สำนักงานภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิค
มือถือ: +6681 6688900
อีเมล: montira.narkvichien@unwomen.org
======
ข้อมูลเกี่ยวกับแคมเปญ 16 วันต่อต้านความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ
“16 วันรณรงค์ต่อต้านความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ” เป็นแคมเปญระดับโลกที่นำโดย UN Women ภายใต้โครงการ UNiTE to End Violence against Women โดยจัดขึ้นทุกปีระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม เพื่อเชื่อมโยงระหว่างวันสากลเพื่อขจัดความรุนแรงต่อผู้หญิง และวันสิทธิมนุษยชน
ใน พ.ศ. 2568 นี้ แคมเปญมุ่งเน้นการยุติความรุนแรงบนโลกออนไลน์ต่อผู้หญิงและเด็กผู้หญิงทุกคน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรูปแบบการละเมิดที่มีวิวัฒนาการรวดเร็วที่สุดในโลก ความรุนแรงออนไลน์ประกอบด้วยการคุกคามทางออนไลน์ การตามติด การเผยแพร่ข้อมูลเท็จทางเพศ วิดีโอ deepfake และการเผยแพร่ภาพส่วนตัวโดยไม่ได้รับความยินยอม ซึ่งทั้งหมดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามการพัฒนาของเทคโนโลยี
แคมเปญ UNiTE 2568 เรียกร้องให้รัฐบาล บริษัทเทคโนโลยี และชุมชนลงมือแก้ไขปัญหาทันที – เพื่อเสริมสร้างกฎหมาย ยุติการลอยนวล และเรียกร้องความรับผิดชอบจากแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ พร้อมสนับสนุนการลงทุนอย่างต่อเนื่องในด้านการป้องกัน การรู้เท่าทันดิจิทัล และการให้ความช่วยเหลือที่มุ่งเน้นผู้ถูกกระทำเป็นศูนย์กลาง นอกจากนี้ ยังเรียกร้องการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากองค์กรสิทธิสตรีที่เป็นผู้นำการขับเคลื่อน เพื่อทำให้พื้นที่ดิจิทัลปลอดภัยและครอบคลุมสำหรับทุกคน